การประกวดดนตรีไทยระดับมัธยมศึกษา “ประลองเพลง ประเลงมโหรี”


การประกวดดนตรีไทย ระดับมัธยมศึกษา “ประลองเพลง ประเลงมโหรี”
ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ครั้งที่ 31 พุทธศักราช 2559

การประกวดดนตรีไทยระดับมัธยมศึกษา “ประลองเพลง ประเลงมโหรี” 

1. หลักการและวัตถุประสงค์
สืบเนื่องจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชปรารภในปัจจุบันนี้ประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับดนตรีไทยประเภทมโหรีค่อนข้างน้อยมาก เรื่องนี้จำเป็นที่จะต้องมีการส่งเสริมให้เยาวชนไทยรวมทั้งครูที่สอนดนตรีไทย ได้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องมโหรีที่ถูกต้อง ทั้งด้านมาตรฐานเสียง ประเภทของเพลงที่ใช้กับวงมโหรี ตลอดจนระเบียบแบบแผนในการใช้มือปฏิบัติต่อเครื่องดนตรี เพื่อจะได้มีความรู้ และสามารถปฏิบัติอย่างถูกต้องได้ต่อไปในอนาคต รวมทั้งสามารถถ่ายทอดความรู้ เรื่องมโหรีให้แก่ผู้อื่นสืบต่อไปอีกด้วย เพื่อสนองพระราชปณิธานในเรื่องนี้ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) จึงได้ดำเนินการให้มีการประกวดดนตรีไทยในระดับมัธยมศึกษา “ประลองเพลง ประเลงมโหรี” เป็นประจำทุกปี เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ.2529 จนถึงทุกวันนี้ เป็นเวลา 31 ปีแล้ว ผลปรากฏว่ามีเยาวชนได้ผ่านการประกวดดนตรีไทยประเภทมโหรีมาแล้วหลายรุ่น ได้เพิ่มพูนผู้มีความรู้ ความเข้าใจ ทั้งนักเรียนและครูผู้สอนเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีนักเรียนและครูอีกหลายคนที่ได้ศึกษาต่อในวิชาดนตรีไทยจนจบในระดับปริญญาตรี และโท ได้เป็นครูผู้สอนดนตรีไทยที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้นเป็นประโยชน์ทางด้านวิชาการ และการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยสืบมา

2. ประเภทของการประกวด แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
     2.1 การบรรเลงรับร้อง (วงมโหรี) แบ่งเป็น 2 ประเภท
           1) ถ้วย ก หมายถึง สถานศึกษาหรือวงดนตรีที่เข้าร่วมการประกวดฯ เคยได้รับรางวัล และวงดนตรีที่ชนะเลิศถ้วย ข มาแล้วติดต่อกัน 2 ปี
          2) ถ้วย ข หมายถึง สถานศึกษาหรือวงดนตรีที่เข้าร่วมการประกวดฯ หรือยังไม่เคยเข้าร่วมการประกวดฯ และหรือไม่เคยได้รับรางวัลเลย (หากประกวดประเภทนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศติดต่อกัน 2 ปี ต้องไปประกวดถ้วย ก)
     2.2 การบรรเลงเดี่ยวเครื่องดนตรีและขับร้อง

3. คุณสมบัติของผู้เข้าประกวด
     3.1 สถาบันทางการศึกษาสามารถส่งเข้าประกวดได้ประเภทละ 1 วง และให้ส่งเป็นชื่อโรงเรียน/สำนัก/สถาบัน/บ้านดนตรี/ชมรมดนตรี เท่านั้น
     3.2 สถาบันทางการศึกษาใดที่มีนักดนตรีไม่ครบ อาจเชิญนักดนตรีต่างสถาบันเข้ามาร่วมบรรเลงได้
     3.3 ผู้เข้าประกวดทุกประเภท(ประเภทวงและประกวดเดี่ยว)จะต้องเป็นนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 หรือเทียบเท่า ซึ่งศึกษาอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน หรือต่างโรงเรียนก็ได้ โดยต้องมีหลักฐานรับรองจากสถานศึกษานั้น ๆ ว่ามีสถานภาพเป็นนักเรียนจริง ในระยะเวลาที่ประกวดนั้น
     * เฉพาะผู้เข้าร่วมประกวดประเภทการบรรเลงเดี่ยว อนุญาตให้ส่งในนามตนเองได้แต่ต้องมีหนังสือรับรองจากจากสถานศึกษาว่ากำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาจริง
     3.4 ผู้เข้าประกวดในการบรรเลงวงมโหรี มีผู้บรรเลงรวมวงไม่เกิน 16 คน รวมทั้งนักร้อง และนักดนตรีสำรองอีก 2 คน ทั้งนี้ ให้ติดภาพ พร้อมทั้งใส่ชื่อ – นามสกุลผู้บรรเลงตามเครื่องดนตรีใบสมัครให้ครบทุกเครื่องมือ รวมทั้งนักดนตรีสำรองด้วย(หากไม่ระบุชื่อนักดนตรีสำรองมาจะมาเพิ่มเติมภายหลังไม่ได้)
     หากมีกรณีสับเปลี่ยนนักดนตรีภายในวงที่ส่งประกวด ขอให้แจ้งธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ก่อนภายใน 10 วัน หมายเหตุ ไม่สามารถเปลี่ยนตัวผู้ประกวดได้ ผู้บรรเลงรวมวงประกอบด้วย
          1) ซอสามสาย (ไม่ต้องสีคลอร้อง)
          2) ซอด้วง
          3) ซออู้
          4) ขลุ่ยเพียงออ
          5) จะเข้
          6) ระนาดเอกมโหรี
          7) ระนาดทุ้มมโหรี
          8) ฆ้องวงมโหรี หรือฆ้องกลาง
          9) โทน รำมะนา (จะบรรเลงคนเดียวหรือแยกเป็นสองคนก็ได้)
        10) ฉิ่ง
        11) กรับพวง
        12) โหม่ง
        13) นักร้อง
     3.5 ผู้สมัครที่ส่งชื่อเข้าประกวด ถ้าสังกัดวงใดแล้วต้องสังกัดวงนั้นเพียงวงเดียว
     3.6 คณะกรรมการจะตรวจสอบชื่อนักดนตรีในถ้วย ข หากพบว่ามีผู้เคยได้รับรางวัลชิงชนะเลิศ เข้าแทรกตัวร่วมบรรเลงในวงที่ประกวด กรรมการจะตัดสิทธิในการประกวดทันที
     3.7 นักเรียนที่เข้าประกวดทุกประเภทต้องมีหนังสือรับรองจากสถานศึกษาและต้องนำบัตรประชาชน / บัตรนักเรียน มาให้ฝ่ายลงทะเบียนตรวจสอบทุกครั้งที่มีการประกวดต่อหน้าคณะกรรมการ หากไม่มีอาจจะพิจารณาตัดสิทธิ์ในการประกวดทุกประเภท
     3.8 การประกวดเดี่ยวเครื่องดนตรีและขับร้อง นักเรียนที่ได้รับรางวัลที่ 1 แล้ว ขอให้สงวนสิทธิ์ในการประกวดเครื่องนั้น ๆตลอดไป และหากเป็นสถาบันการดนตรีในสายอาชีพขอให้ส่งได้ประเภทละไม่เกิน  2 คน
     3.9 การบรรเลงควรจะเป็นไปตามแบบฉบับการบรรเลงมโหรีอันพึงปฏิบัติ
     3.10 การประกวดทุกประเภทผู้ที่เข้าประกวดจะได้รับเกียรติบัตรจากกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.)

4. รางวัล
ประเภทการบรรเลงรับร้อง (วงมโหรี) 
ถ้วย ก
รางวัลที่ 1 ถ้วยมโหรี เกียรติบัตรพระราชทาน เข็มมโหรี เงินรางวัล 50,000 บาท
                  รางวัลผู้ปรับวง เกียรติบัตรพระราชทาน และเข็มมโหรี 1 รางวัล
รางวัลที่ 2 ถ้วยรางวัลของ ดย. เกียรติบัตรพระราชทาน เงินรางวัล 30,000 บาท
รางวัลที่ 3 ถ้วยรางวัลของ ธนาคารกรุงเทพ เกียรติบัตรพระราชทาน เงินรางวัล 20,000 บาท
รางวัลชมเชย เกียรติบัตรพระราชทาน เงินรางวัล 10,000 บาท

ถ้วย ข
รางวัลที่ 1 ถ้วยมโหรี เกียรติบัตรพระราชทาน เข็มมโหรี เงินรางวัล 50,000 บาท
                 รางวัลผู้ปรับวง เกียรติบัตรพระราชทาน และเข็มมโหรี 1 รางวัล
รางวัลที่ 2 ถ้วยรางวัลของ ดย. เกียรติบัตรพระราชทาน เงินรางวัล 30,000 บาท
รางวัลที่ 3 ถ้วยรางวัลของ ธนาคารกรุงเทพ เกียรติบัตรพระราชทาน เงินรางวัล 20,000 บาท
รางวัลชมเชย เกียรติบัตรพระราชทาน เงินรางวัล 10,000 บาท

ประเภทการบรรเลงเดี่ยวเครื่องดนตรีและขับร้อง
รางวัลที่ 1 เกียรติบัตรพระราชทาน โล่เกียรติยศจาก ดย. เข็มมโหรี เงินรางวัล 10,000 บาท
รางวัลที่ 2 เกียรติบัตรพระราชทาน เงินรางวัล 6,000 บาท
รางวัลที่ 3 เกียรติบัตรพระราชทาน เงินรางวัล 4,000 บาท 
รางวัลชมเชย จำนวน 5 รางวัล เกียรติบัตรพระราชทาน เงินรางวัล 3,000 บาท

5. ประเภทของการประกวด เพลงที่ประกวด กำหนดวัน เวลาสมัคร วิธีการประกวด และวันประกวด
5.1 การบรรเลงรับร้อง (วงมโหรี)
รอบแรกพิจารณาจากการบรรเลงรับร้อง
ที่บันทึกส่งมาเป็น
แผ่น VCD/DVD
รอบรองชนะเลิศบรรเลงต่อหน้าคณะกรรมการ
รอบชิงชนะเลิศบรรเลงต่อหน้าคณะกรรมการ
20   นาที

หมายเหตุ


ถ้วย ก
เพลงที่ประกวด
เพลง ถวายพระพร 70 ปี ครองราชย์พระบาทสมเด็จพระ-เจ้าอยู่หัว
ประพันธ์คำร้อง
โดยนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์





ถ้วย ข
เพลงที่ประกวด
เพลง ถวายพระพร 84 พระชนมพรรษาพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
ประพันธ์คำร้อง
โดยนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
คณะกรรมการฯ จะประกาศผลการคัดเลือกรอบแรก
ในวันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม 2559


เพลงที่ประกวด
เพลง ถวายพระพร 70 ปี ครองราชย์พระบาทสมเด็จ    พระเจ้าอยู่หัว
ประพันธ์คำร้อง
โดยนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์






เพลงที่ประกวด
เพลง ถวายพระพร 84 พระชนมพรรษาพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
ประพันธ์คำร้อง
โดยนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
วันที่ประกวด
ถ้วย ก ในวันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2559

ถ้วย ข ในวันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2559


เพลงที่บรรเลง
เพลงโหมโรงรัตนโกสินทร์
(ไม่คิดคะแนน) 
เพลงที่ประกวด
เพลง หงส์ทอง เถา 
ไม่ทำทางเปลี่ยน          และลงลูกหมด
เนื้อร้องจากเรื่องเงาะป่า พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว      

  เพลงที่บรรเลง
เพลงโหมโรงงมหาราช
(ไม่คิดคะแนน) 

เพลงที่ประกวด
เพลง กล่อมนารี เถา
ไม่ทำทางเปลี่ยน       ลงลูกหมด
เนื้อร้องของครูมนตรี ตราโมท 

วันที่ประกวด
ถ้วย ก ในวันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม 2559

ถ้วย ข ในวันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม 2559

1. ทำการบันทึกเพลงที่ส่งเข้าประกวดโดยไม่ต้องประกาศชื่อเพลง ชื่อนักดนตรี-นักร้อง และชื่อโรงเรียน ทั้งนี้ เพื่อไม่ต้องการให้คณะกรรมการรับทราบว่า  ผู้ส่งเข้าประกวดเป็นใคร
2. เพลงที่บันทึกจะต้องบรรเลงและ     ขับร้องตามบทขับร้อง และวิธีการบรรเลงที่กำหนดถ้าบรรเลง ผิดวิธี ขาด หรือเกินจะเสียคะแนน
3. การบันทึกภาพและเสียง
    3.1 ให้เริ่มจับภาพตั้งแต่เริ่มต้นไป  จนจบเพลง ต้องไม่ให้หัวเพลงหรือท้ายเพลงขาดในระหว่างการบรรเลง-ขับร้อง และห้ามตัดต่อโดยเด็ดขาดหากตรวจพบว่า มีการตัดต่อจะตัดสิทธิ์การประกวด
    3.2  การตั้งกล้องบันทึกภาพ ให้ตั้งกล้องตรงหน้าวงดนตรี จับภาพผู้บรรเลง-ขับร้องให้เห็นชัดทุกคน เพื่อให้เห็นอากัปกิริยาของทุกคน ขณะบรรเลง-ขับร้อง ห้ามเคลื่อนไหวกล้องและซูมภาพเข้า-ออกโดยเด็ดขาด
    3.3  ภาพและเสียงที่บันทึกจะต้องมีความคมชัดและต้องสอดคล้องกันหากพบว่าการบันทึกภาพและเสียงเหลื่อมกันจะเสียสิทธิ์ในการประกวด
   3.4 ขอให้ผู้ประกวดตรวจสอบ
          คุณภาพของแผ่น VCD/DVD
          ก่อนส่ง หากไม่สามารถเปิดได้
          จะเสียสิทธิ์ในการประกวด
   3.5 การแต่งกายในการบันทึกภาพ-เสียงและการบรรเลงต่อหน้าคณะกรรมการ ให้ใส่ชุดเครื่องแบบนักศึกษาสถานศึกษาที่สังกัด   (ห้ามใส่เสื้อพละ)
4. ห้ามครูผู้ฝึกสอนเข้าไปร่วมบรรเลงหรือช่วยเล่นเครื่องดนตรีใด ๆ ทุกชนิด
5. การประกวดบรรเลงรับร้อง (วงมโหรี) คิดคะแนนทุกเครื่องมือ รวมทั้งซอสามสายและนักร้อง
6. ทำนองเพลงมีตัวอย่างเป็นแนวทางขอถ่ายสำเนาตัวอย่างได้ที่ศูนย์สังคีตศิลป์
7. ให้มีการบรรเลงเพลงโหมโรงในรอบชิงชนะเลิศ ทั้งนี้  ไม่นำมาคิดคะแนน
    ประเภทถ้วย ก
     - บรรเลงเพลงโหมโรงรัตนโกสินทร์        
    ประเภทถ้วย ข
     - บรรเลงเพลงโหมโรงมหาราช    หลังจากเล่นเพลงโหมโรงแล้ว ห้ามตกแต่งปรับเสียงเครื่องดนตรี (เทียบเครื่อง)
๘. ผู้เข้าประกวดที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ขอให้นำบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรนักเรียน มาแสดงตนในวันประกวด
. ส่งใบสมัครพร้อมแผ่น VCD/DVD/ระบบ MOVIE บันทึกเพลง ที่ประกวดได้ภายในวันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2559 หรือทางไปรษณีย์ ได้ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาตะนาว  ศูนย์สังคีตศิลป์ แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทรศัพท์ 0 2224 8140 - 1 โทรสาร 0 2224 8169 ในวัน และเวลาทำการ

5.2 การบรรเลงเดี่ยวเครื่องดนตรีและขับร้อง
รอบแรกพิจารณาจากแผ่น VCD/DVD
รอบชิงชนะเลิศบรรเลงต่อหน้าคณะกรรมการ

หมายเหตุ

1. เครื่องสี – ซออู้
    เพลง มุล่ง ทางไล่มือ ชั้นเดียว   
    (มี 3 ท่อน)
    เครื่องกำกับจังหวะฉิ่ง

2. เครื่องตี – ระนาดเอก
    เพลงนกขมิ้น สามชั้น
    เครื่องกำกับจังหวะ ฉิ่ง
    และกลองสองหน้า

3. เครื่องตี ฆ้องวงใหญ่
    เพลงเชิดนอก ๓ จับ
    ไม่ต้องออกเพลงอื่น
    เครื่องกำกับจังหวะ ฉิ่ง
    และกลองสองหน้า

4. เครื่องเป่า – ขลุ่ย
    เพลง ลมพัดชายเขา สามชั้น
    ทางเดี่ยว
    เครื่องกำกับจังหวะฉิ่ง
    และโทน – รำมะนา
    
5. ขับร้อง
    เพลง ลมพัดชายเขา สามชั้น  
        เครื่องกำกับจังหวะฉิ่ง
    และโทน – รำมะนา

คณะกรรมการฯ จะประกาศผลการคัดเลือก รอบแรก
ในวันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2559

วันที่ประกวด
ในวันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม และวันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม 2559

1.  ผู้สมัครเดี่ยวเครื่องดนตรีให้บันทึกเสียงและ ภาพลงแผ่น VCD/DVD โดยตั้งกล้องตรงหน้าให้เห็นมือและท่านั่งอย่างชัดเจน และเห็นผู้บรรเลงคุมจังหวะด้วย ห้ามย้ายกล้อง        ห้ามซูมเข้า - ซูมออกโดยเด็ดขาด เสียงและการเคลื่อนไหวในภาพจะต้องตรงกัน หากเหลื่อมกันถือว่าเสียสิทธิ์ในการประกวด
2.  ให้เริ่มจับภาพตั้งแต่เริ่มต้นไปจนจบเพลง       ต้องไม่ให้หัวเพลงหรือท้ายเพลงขาดในระหว่างการบรรเลง-ขับร้องและห้ามตัดต่อโดยเด็ดขาด หากตรวจพบว่ามีการตัดต่อ จะตัดสิทธิ์การประกวด
3.  ในการประกวดขับร้องต้องมีเครื่องดนตรีประเภทดำเนินทำนองอย่างน้อย 3 ชิ้น และเครื่องกำกับจังหวะได้แก่โทน – รำมะนา และฉิ่ง สำหรับบรรเลงสวม - ส่งให้ผู้ขับร้อง
4.  ผู้บรรเลงและผู้ตีเครื่องกำกับจังหวะในการประกวดเดี่ยวต้องเป็นนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า จะเป็นโรงเรียนที่ส่งเข้าประกวดหรือโรงเรียนอื่นมาร่วมบรรเลงได้
5.  ผู้ประกวดการบรรเลงเดี่ยวให้นำเครื่องดนตรี
      ส่วนตัวมาบรรเลงประกวด
6. ประกวดขับร้อง  ผู้ที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศจะต้องมาขับร้อง ต่อหน้าคณะกรรมการโดยมีวงมโหรีของสโมสรธนาคารกรุงเทพ เป็นวงบรรเลงรับ-ร้องทั้งนี้ ให้มาแจ้งขอซ้อมกับวงได้หลังจากลงทะเบียนในตอนเช้า
7. ผู้เข้าประกวดที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ขอให้นำบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรนักเรียนมาแสดงตนในวันประกวด
ส่งใบสมัครพร้อมแผ่น VCD/DVD/ระบบ MOVIE     ภายในวันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2559


6. ขั้นตอนการเข้าร่วมการประกวดและการเข้ารับพระราชทานรางวัล
     6.1 สถานศึกษาหรือเยาวชนที่สนใจสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.dcy.go.th ทั้งนี้ ติดต่อสอบถามได้ที่กองส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชน (กสพ.) โทรศัพท์ 0 2651 6507 โทรสาร 0 2651 7788 ในเวลาราชการ 08.30 - 16.00 น. และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0 2224 8140 - 1 โทรสาร 0 2224 8169 ในวันและเวลาทำการ 08.30 - 16.30 น. โดยสมัครทางไปรษณีย์ได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาตะนาว (ศูนย์สังคีตศิลป์) 391 ถนนตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
     6.2 หากมีข้อสงสัยในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการประกวด ขอให้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และกรมกิจการเด็กและเยาวชน เท่านั้น
     6.3 ภายหลังจากการเสร็จสิ้นการประกวดรอบชิงชนะเลิศ กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) และ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จะขอพระราชทานวโรกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี โดยนำเยาวชนที่ชนะการประกวดเข้ารับพระราชทานรางวัลและจะแจ้งให้ผู้รับรางวัลได้ทราบต่อไป
     6.4 ในกรณีที่มีการปรับเปลี่ยนวัน เวลาในการรับสมัครหรือวันที่ประกวด รวมทั้งสถานที่ประกวด คณะกรรมการจะได้แจ้งให้ทราบต่อไป


โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

20 กันยายน วันเยาวชนแห่งชาติ

รายชื่อผู้เข้าร่วมการอบรมโครงการ Work and Holiday Visa ไทย – ออสเตรเลีย และ Working Holiday Scheme ไทย – นิวซีแลนด์ ประจำปี 2560